วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยล้านนา (1)

ตอน เรือหางแมงป่อง ล่องแม่น้ำปิง



วันนี้ฉันจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวตะลุยแดนล้านนาค่ะ เป็นความเดิมต่อเนื่องจากนำสิ่งของและเงินไปบริจาคที่มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่า ไหนๆ ก็ได้ออกจากบ้านแบบชอบธรรมแล้ว (เป็น ชอบ-ทำ มากกว่า) ฉันกับคุณน้องก็ตกลงใจกันว่า จะตะลุยในเมืองเชียงใหม่ให้หนำใจกันซะเลย ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาว (แต่จริงๆ ไม่หนาว) มีนักท่องเที่ยวมากมายแบกกระเป๋าขึ้นเหนือกัน ทำให้เราทั้งสองไม่เหงาแม้ไปกันเพียงสองต่อสองก็ตาม

เราตัดสินใจเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ตามชื่อเรื่อง อันที่จริงทัวร์ไม่ง้อเรามากกว่าเพราะมีกันแค่ 2 คนเท่านั้นเค้าเลยไม่จัดโปรแกรมให้เพราะเกรงว่าฉันและเพื่อนจะทำกรุ๊ปอื่นเค้าแตกตื่น เราก็เลยหาข้อมูลและเที่ยวแบบ back pack กัน เป็นครั้งแรกในชีวิตจริงๆ แผนการครั้งนี้ของเราก็คือ.....ไม่มีแผน plan is no plan !

นั่งรถไฟกันตั้งแต่เย็นวันศุกร์ครึ่งหลับครึ่งตื่นกันไปตลอดทาง จนไปเช้าที่สถานีรถไฟเชียงใหม่
จากนั้น รถเช่าที่ติดต่อไว้ล่วงหน้าก็นำรถมาให้ตรงเวลาพอดิบพอดีที่ไปถึง เป็นรถ vios สีควันบุหรี่ เราก็ไม่รอช้าถามทางไปมูลนิธิดอกไม้ป่าพอเป็นพิธี แล้ว ตะบึงรถไปหาข้าวกินทันที !

อ้าว...นึกว่าจะไปมูลนิธิฯ เลย เปล่าค่ะ ก็แหม กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าไม่รีบหาอะไรรองท้อง ท่าทางฉันต้องตกเป็นเหยื่อของคนไปด้วยเป็นแน่แท้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ฉันจึงจัดการหาร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางให้เธอหม่ำซะก่อน
หลังจากนั้นก็นำของไปบริจาค ตามที่ได้เล่าไปแล้วในครั้งก่อน

ไหนว่าจะมีเรือหางแมงป่องไง? ใจเย็นๆ ค่ะ กำลังจะเล่าอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว........
หลังปฏิบัติภารกิจอันควร เลือกสถานที่ ที่ list ไว้คร่าวๆ จากหนังสือเที่ยวเชียงใหม่ เป็นอันว่าบ่ายวันนั้นเราจะไปล่องแม่น้ำปิง โดยเรือหางแมงป่องกัน ลั๊นลา มีความสุขจริง (โว้ย)

ด้วยวันที่เราไปเที่ยวเป็นวันศุกร์ตอนบ่ายสามโมง ชาวบ้าน (นักท่องเที่ยว) คนอื่นเค้าล่องกันไปหมดแล้วตั้งแต่ตอนเที่ยง ดังนั้น จึงมีเพียงฉันและคุณน้อง 2 คนเท่านั้นที่ตีตั๋วทริปบ่ายนี้ คุณลุงสมัครและภรรยา เจ้าของเรือ ก็ใจดีมากมาย บอกไม่เป็นไร สองคนก็ยินดีนำเที่ยว ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

ทันทีที่ออกเรือ คุณลุงสมัครก็ทำหน้าที่บรรยาย .......
สมัยก่อนเป็นเรือพาย ไม่มีเครื่องยนต์ตอนเรือออกจากท่า ต้องมีนายหัวเรือใช้เท้าถีบเพื่อเป็นแรงผลักให้เรือออกจากท่าโดยสะดวก และนี่คือที่มาของคำว่า "ถีบหัวส่ง"

จากนั้น คุณลุงก็บรรยายถึงเมืองเชียงใหม่ในสมัยก่อน โดยมีรูปภาพประกอบเป็นระยะๆ



แต่ละเรื่องราวที่บันทึกในความทรงจำของคุณลุง ฟังไม่เบื่อกันเลยทีเดียวค่ะ ทั้งเรื่องสะพานนวรัฐ วัดเกตุการาม เรื่องของโรงแรมเก่าแก่ในเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่มาของเรือหางแมงป่อง ฯลฯ ล้วนกลั่นออกมาจากใจและความจงรักภักดีที่มีต่อแผ่นดินเกิดของคุณลุง


ลมเย็นตอนบ่ายแก่ ๆ กับอากาศที่กำลังดี ทำให้ฉันฟังเพลินและเริ่มหลงรักเมืองเชียงใหม่เข้าโดยไม่รู้ตัว



ระหว่างการล่องแม่ปิง คุณลุงมีเซอร์ไพรส์ด้วยการพาแวะชม Home stay แบบบ้านดิน เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่คุณลุงและภรรยาช่วยกันทำ


ภายในห้องพักบรรยากาศโรแมนติกมากๆ ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,200 ขึ้นไปค่ะ


เปลยวนทำจากกระบอกไม้ไผ่ปล้องโต

น้ำพั้นซ์รสดีและข้าวเหนียวมะม่วง รับประทานระหว่างพักเหนื่อย


คุณลุงเล่าว่าช่วงปิดเทอม จะจัดกิจกรรมให้เด็กๆ จากเมืองกรุงมาเข้าค่ายที่บ้านดินแห่งนี้ เพื่อสอนให้เด็กๆ รู้จักใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย พอเพียง และอยู่กับธรรมชาติ รับเด็กตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไปค่ะ


นาข้าวจำลองเอาไว้สอนเด็กๆ


อะไรเอ่ย ?

ที่แท้คือมะเขือเทศการ์ตูนพันธุ์จากเมืองนอก เด็กๆ ที่มาเข้าค่ายนึกสนุกเอาปากกามาวาดหน้าตาให้มัน ดูน่ารักและตลกดี



หลังจากเยี่ยมชมบ้านดิน ก็เป็นเวลาที่ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าแล้ว เราทั้งหมดจึงขึ้นเรือหางแมงป่องกลับเข้าฝั่ง และปิดท้ายด้วยที่มาของคำว่า "เข้าท่า" !




อาทิตย์อัสดง ณ ริมน้ำแม่ปิง เป็นภาพที่งามจับใจฉันจริงๆ ค่ะ




ก่อนจะลากลับ คุณน้องและฉันได้ฝากกำลังใจให้กับมัคคุเทศน์ท้องถิ่น สองสามีภรรยาผู้มีความตั้งใจในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง และพอดี ขอบคุณ สำหรับการล่องเรือกับช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้

หากเพื่อนๆ อยากสัมผัสบรรยากาศสบายๆ กับสายน้ำยามบ่าย ณ แม่ปิง ติดต่อได้ที่ โทร. 081 960 9398
สนนราคาเพียงแค่ท่านละ 300 บาทเท่านั้นค่ะ

Photo by Boonraksa & Buatong

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โครงการมือสอง เพื่อน้องและเพื่อน (ตอนบ้านดอกไม้ป่า)


เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 52 ฉันและคุณน้อง ตีตั๋วรถไฟขึ้นเชียงใหม่ เพื่อนำสิ่งของและเงินไปบริจาคที่มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่าซึ่งเป็นมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แบบไม่พึงประสงค์

สาวๆ ที่นั่น เมื่อได้รับของพร้อมเงินบริจาค 5,000 บาท ก็ฝากความขอบคุณมายังผู้ร่วมบริจาคทุกท่านค่ะ

งานนี้ได้ทั้งบุญได้ทั้งความสุข และสนุกสนาน เพราะนอกจากภารกิจนำสิ่งของไปบริจาคแล้ว ยังได้เที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์อีกด้วย แล้วจะมาเล่าให้ฟังในตอนต่อไปค่ะ

ยิ้มหน้าบานกันทุกคน : )


มีการฝึกอาชีพให้กับสาวๆ ตามความถนัด




เค้าเลี้ยงไก่ เพื่อให้มันออกไข่มากินกันค่ะ




ปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อกินเอง

บ้านดิน ทำจากดินเหนียวผสมและขวดเหลือใช้ ทำเอง อยู่เองค่ะ


ชีวิตที่มีค่า คือชีวิตที่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์และมีความสุข


ชีวิตของเพื่อนๆ บ้านดอกไม้ป่าก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเธอเหล่านั้นอาจเคยเดินผิดพลาดมาในอดีตแต่ก็เลือกที่จะใช้เวลาในชีวิตที่เหลือให้เป็นประโยชน์และมีความสุข

หาก..วันนี้ เราล้มลง ยังคง ลุกขึ้นได้ใหม่

ยังคงมีหนทาง และยังมียิ้มสดใส ก้าวไป.... อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว

พร้อมทนทุกข์หมองหม่น ผจญความมืดหมองมัว ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่


วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พ่อหลวง ในดวงใจ


พระบารมีเกริกเกียรติก้อง แผ่นฟ้า
พสกนิกรไทยทั่วหล้า สรรเสริญ
น้ำพระทัยรินรดหลั่ง ลงพื้น ปฐพี
ทรง ธ สถิตในใจทั่ว พ่อหลวงของปวงชน

======================================================


พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตลอดเวลากว่า 60 พรรษา ที่ทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรที่รักของพระองค์













ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
สถิตเป็นมิ่งขวัญปวงชนชาวไทย ไปตราบนานเท่านาน.....

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า พรทิพย์ พานิช และครอบครัว

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อดีตแห่งสยาม....


เวลา เปรียบเสมือนสายน้ำที่ไม่ไหลกลับ
มีคำกล่าวว่าเราไม่สามารถสัมผัสน้ำเดิมได้อีก
เฉกเช่นเดียวกับเวลา....
ณ ขณะหนึ่งๆ จึงเป็นปรากฎการณ์ที่มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

บ่ายวันที่ 22 พ.ย. 52 หลังจากจบการดูงานที่บริษัทผลิตยาแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ ฉันและคณะเยี่ยมชมก็มุ่งหน้าสู่เมืองโบราณในขากลับเป็นของแถม
ความที่เป็นคนชอบโบราณสถานและโบราณวัตถุอยู่เป็นทุนเดิมทำให้ฉันตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษมากกว่าชาวคณะคนอื่นๆ
ที่นี่ เป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนกระทั่งกรุงรัตนโกสินทร์ รวมถึงการจำลองชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยภาคต่างๆ ตั้งแต่ เหนือ อีสาน กลาง ใต้
ตลอดการเดินทางเข้าชมเมืองโบราณตั้งแต่บ่ายสามโมงจนห้าโมงเย็น เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนย้อนอดีตเข้าไปชมภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว


พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ตั้งเด่นตระหง่านท่ามกลางเมืองโบราณ
และเป็นเพียงสถานที่เดียวที่เจ้าหน้าที่อนุญาติให้พวกเราได้เข้าไปชมภายใน



ภายในมหาปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างอย่างวิจิตรบรรจง
บ่งบอกถึงความปราณีตและความตั้งใจของผู้สร้างเป็นอย่างดี

ทิวทัศน์จากบนปราสาทสรรเพชญ



บ้านแบบไทยโบราณ


อนุสรณ์สถาน เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวบ้านบางระจัน





มีจักรยานให้ขี่สำหรับหนุ่มสาวพลังงานเหลือเฟือ เพราะเนื้อที่ทั้งหมดร่วมร้อยไร่
แต่หากใครไม่สะดวกก็สามารถนั่งรถรางที่จัดเตรียมไว้ได้ นอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว ยังมีผู้บรรยายเพื่อให้ความรู้ด้วย

เรือสุพรรณหงส์หลายลำ จอดอยู่กลางลำธาร มองดูราวกับในภาพวาด


กลั่นออกมาจากจิตนาการของผู้สร้าง เป็นนิรมิตคล้ายสรวงสวรรค์



การแสดงที่น่ารักและงดงามแบบอีสาน





แม้เวลาเป็นสิ่งที่หมุนย้อนกลับมาไม่ได้ แต่อนุสรณ์สถาน ณ เมืองโบราณแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งอารมณ์ของความจงรักภักดีต่อแผ่นดินสยามอันเป็นแผ่นดินแม่ของคนไทยทุกคน

การมาเยือนของฉันบ่ายวันนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยวธรรมดาที่ผ่านไปอีกวัน แต่เป็นวันที่จารึกไว้ในความทรงจำมิรู้ลืมไปอีกนานเท่านาน

ขอบุญบารมีขององค์สยามเทวาธิราช จงปกป้อง คุ้มครองรักษา แผ่นดินไทยไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ตราบชั่วกาลนานเทอญ.....


ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ancientcity.com/

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โครงการมือสอง เพื่อน้องและเพื่อน (ตอน 2)


เมื่อเดือนที่แล้ว ที่คุณน้องและเพื่อนๆ ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการรับบริจาคเสื้อผ้า และสิ่งของมือสอง เพื่อนำส่วนหนึ่งออกขาย (รายได้เข้ากองทุนบริจาค) และนำส่วนหนึ่งไปมอบให้สถานที่ต่างๆ (จะนำภาพมาให้ชมหลังบริจาคแล้วช่วงต้นปีหน้าค่ะ)

เมื่อวานนี้ หลังจากไปรับของที่คุณน้องรวบรวมส่งมาทางบริษัทขนส่ง จำนวน 5 ลังใหญ่ๆ แล้ว เปิดดูพบว่าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าที่มีผู้ใจบุญรวบรวมแพคให้มา
ตอนเย็นฉันและพี่สุนจึงช่วยกันนำไปขายที่หน้าร้านขายยาของพี่นันท์ เหมือนเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเรื่องน่ายินดี และน่าตื่นเต้น เพราะมีผู้คนแถวนั้นให้ความสนใจมารุมเลือกซื้อจนแทบไม่มีที่ยืน และบางท่านรู้ว่าเป็นงานบุญ นำรายได้ทั้งหมดไปทำประโยชน์กับผู้ด้อยโอกาส ก็ช่วยสมทบทุนมาเกินกว่าราคาสินค้า
เมื่อวานนี้จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ใหม่ สร้างสถิติ ขายได้ 1,000 บาท ภายในเวลา 30 นาที ! รวมทั้งสิ้นได้เงินจากการขายครั้งนี้ 3,300 บาท


ขออนุโมทนากับกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ที่มีใจเมตตาทั้งผู้บริจาคสิ่งของ ผู้ช่วยขาย และผู้มาเลือกซื้อทุกท่าน ขอกุศลในครั้งนี้ส่งผลให้ท่านและครอบครัว ได้มีความสุขกาย สุขใจ และประสบความสำเร็จในธุรกิจการงานที่คาดหวังไว้ทุกประการด้วยเทอญ..... _/\_


วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เพลงฮิต...ที่คิดถึง

บทเพลงที่ชื่นชอบบ่งบอกความสุนทรีย์ในจิตใจ และยังบ่งบอกรสนิยมรวมถึงยุคสมัยด้วย ฉันได้รวบรวมบทเพลงเก่าสมัยยังเรียนมัธยม โดยมีเพื่อนๆ และน้องสาวช่วยคิด ปรากฏว่าได้มากมายเกือบร้อยเพลงเลยทีเดียว บางเพลงฟังแล้วนึกถึงเพื่อนเก่า บางเพลงก็นึกถึงเหตุการณ์สนุกๆ ที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลานั้น แถมในมิวสิกวีดีโอบางเพลง เราเห็นนักแสดงเด็ก (ในอดีต) ที่ปัจจุบันเค้าเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วก็มี แล้วคุณผู้อ่านล่ะคะ ฟังเพลงเหล่านี้แล้วคิดถึงอะไรกันบ้าง ?


สัญญาหน้าฝน : คาราบาว http://www.youtube.com/watch?v=F7Um9Au_-h0&feature=related










หัวใจสะออน : อัสนี วสันต์
http://www.youtube.com/watch?v=zhPwS3jKL6E

ให้เธอ http://www.youtube.com/watch?v=8r6MN2H-bUY





ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ : อินคา http://www.youtube.com/watch?v=6h5SIpMFYNk







ฟังซิฟัง : ใหม่ เจริญปุระ http://www.youtube.com/watch?v=zvrML-BkZSk








เท้าไฟ : ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง
http://www.youtube.com/watch?v=IbjtgsMuGhk





ฝากเลี้ยง : เจ เจตริน http://www.youtube.com/watch?v=P3egkHJscEE&feature=related






พลิกล็อค : คริสติน่า อากีล่าร์
http://www.youtube.com/watch?v=aP9JFujIy4Q






ไม่รักแต่คิดถึง : เฉลียง http://www.youtube.com/watch?v=kvxjquWHh_I




แนะนำเพลงฮิต ที่คุณคิดถึงมาได้อีกที่ email : paigingun@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โครงการมือสอง เพื่อน้องและเพื่อน


สัปดาห์ที่ผ่านมาฉันมีโอกาสเปิดร้านแบกะดินหน้าบ้านพี่นันท์ ซึ่งเป็นร้านขายยาชื่อ"พลไพศาล" ในเครือสหพัฒน์ โดยสินค้าที่นำมาขายเป็นเสื้อผ้าใช้แล้วที่ยังอยู่ในสภาพดี ไม่ใช่ของคนอื่นคนไกลเป็นของฉัน และครอบครัวพี่นันท์นั่นเอง
พ่อกับแม่ฉันถามว่านึกสนุกอะไรขึ้นมาจึงได้มาขายเสื้อผ้ามือสอง ??? จริงๆ แล้ว เหตุเนื่องมาจากทุกปี ฉันและเพื่อนๆ จะรวบรวมเสื้อผ้าและของใช้อื่นที่อยู่ในสภาพดี แต่ไม่เป็นประโยชน์กับเราแล้ว เอาไปตระเวนบริจาคตามสถานสงเคราะห์และมูลนิธิทั่วประเทศไทย (ปีที่แล้วมีคุณน้อง พิมพ์มณีช่วยเป็นแม่งานใหญ่) แต่ปัญหาที่เราพบและนำมาวิเคราะห์คือ
1. มีผู้บริจาคเสื้อผ้ามากมาย จนล้น และเกินความจำเป็นที่สถานสงเคราะห์ต่างๆ ต้องใช้
2. เมื่อมีผู้บริจาคมากเกินไป จึงกลายเป็นภาระของวัดหรือสถานที่นั้นๆ ในการดูแลรักษา และหาที่เก็บไม่ได้
3. เสื้อผ้าที่บริจาคมักเป็นของชาวกรุงซึ่งเป็นเสื้อผ้าแฟชั่น เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เหมาะกับวิถีชีวิตของผู้ที่เรานำไปบริจาค น้องๆ เหล่านั้นจึงใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่

สิ่งที่ขาดแคลนจริงๆ คือในเรื่องของเงินทุน เพื่อพัฒนาสถานที่และบุคลากรเพื่อการฝึกอาชีพ
แต่สิ่งที่คนชอบบริจาคกันคือเสื้อผ้า ฉันจึงมีความคิดว่าเราน่าจะแปลงเสื้อผ้าเป็นเงินเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและตรงกับปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละสถานที่ได้
งานเฉพาะกิจ "แบ กะ ดิน" หน้าบ้าน จึงเกิดขึ้น



ขายในราคาถูกมาก เพียงตัวละ 20-50 บาทเท่านั้น
ใช้เวลาเฉพาะช่วงหัวค่ำ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ได้เงิน 6,860 บาท !
สิ่งที่ได้จากงานนี้คือ
1. เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเงินในเวลารวดเร็ว
2. น้องริต้าได้ประสบการณ์การค้าขายเล็กๆ น้อย ๆ (ปกติเรียนเภสัชฯ )
3. ได้รับคำขอบคุณจากลูกค้า อันนี้ปลื้มมาก เพราะมีคนมาขอบคุณที่ทำให้เค้าได้ใช้ของดี แต่ราคาถูก (มาก) เพราะหลายตัวเป็นเสื้อผ้าตัวละหลายร้อยบาท แต่ขายเพียง 30 บาท

คุณบุญรักษาและฉัน จึงคิดว่าปีนี้เราจะรับบริจาคเสื้อผ้าและของใช้มือสอง เช่นกระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ที่อยู่ในสภาพดี แล้วนำไปขาย โดยรายได้จากการขายจะกระจายกันทำประโยชน์ต่อไป
ดูรายละเอียดได้ที่ เวป ลานธรรม ---> สมาชิกสัมพันธ์ "กระทู้ โครงการมือสอง เพื่อน้องและเพื่อน"
รับบริจาคตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปี
กรุงเทพฯ โทร. คุณน้อง 081 820 7951
ชลบุรี คุณกานต์ 089 935 9532
รับสมัคร อาสาสมัครแม่ค้าจำเป็น ไม่จำกัดเพศและอายุค่ะ โทร ปุ๊ก 086 394 511 มีค่าตอบแทนให้เล็กน้อย แต่ได้บุญมากค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รถไฟฟ้า....มาหานะเธอ

ชั่วโมงนี้คงไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหน ดังเกิดหน้าเกินตาเรื่องนี้แน่นอน





จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนลงฉายอยู่ที่นักแสดงนำ เคน ธีรเดช ชื่อเสียงและรางวัลต่างๆ ที่เขาได้รับ การันตีฝีมืออยู่แล้ว โดยเฉพาะในด้านที่ว่า'เคน' เป็นชายหนุ่มที่มีผู้หญิงอยากใกล้ชิดมากที่สุดในประเทศไทย! ฉันไม่แปลกใจเลยทันทีที่หนังเรื่องนี้เข้าฉาย ก็สร้างรายได้ถล่มทลาย ทำลายสถิติหนังไทยที่เข้าฉายวันแรกไปสูงถึง 15 ล้านบาท วันนี้ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ตีตั๋วไปดูกับเค้าบ้าง ด้วยมีเวลาว่างประมาณ 3 ชั่วโมงหลังจากไปหาลูกค้าตอนช่วงเช้า แล้วก็รอปฏิบัติภารกิจหนึ่งตอนช่วงเย็น (แล้วจะมาเขียนในบันทึกครั้งหน้าค่ะ)



อย่างที่เกริ่นในตอนแรกว่าจุดเด่นของหนังอยู่ที่พระเอก แต่เมื่อหนังจบลงความรู้สึกของฉันกลับให้ความสนใจและเทคะแนนให้กับนางเอก เหมยลี่ (คริส หอวัง)





ความเป็นธรรมชาติของคริสหรือที่คนสมัยนี้เรียกกันว่า "ไม่เฟค" นั้นน่าจะเป็นคำจำกัดความที่เหมาะสมกับเธอคนนี้มากที่สุด คริสสามารถเปลี่ยนความรู้สึกคนดู จากผู้หญิงที่จืดชืดและมีความสวยในปริมาณจำกัด ให้เป็นความน่ารักแบบติดดินและจริงใจออกแนว "โก๊ะๆ " หน่อย มันทำให้ฉันเห็นว่า ความมีเสน่ห์และความสวยของผู้หญิงคนหนึ่งจะดูดีและมีคุณค่าที่สุดตอนที่เธอ "เป็นตัวของตัวเอง"



ตามท้องเรื่อง หนังดำเนินไปแบบเป็นธรรมชาติที่ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแอบหลงรักชายในฝัน จะพยายามทำทุกวิถีทางให้เธอปรากฎต่อคลองจักษุของชายคนรักบ้าง แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้เสแสร้งจนหมดความเป็นตัวของตัวเอง เธอยังคงแต่งตัวแบบเดิม ใช้กระเป๋ารองเท้าแบบเดียวกับที่เจอกันครั้งแรกๆ พูดจาขวานผ่าซาก และมีแนวคิดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถึงแม้เหมยลี่จะเป็นฝ่ายเดินหน้ารุกพระเอก แต่ก็มิได้โอเว่อถึงขั้นหมดความเป็นหญิงไทย





ในตอนท้ายเรื่องก็มาเฉลยกันว่า ชายหนุ่มที่มีแต่ผู้หญิงกรี๊ดด้วยความเสน่ห์หานั้น ให้ความสำคัญและเฝ้าแอบมองเธอมาตลอด และเค้าก็สารภาพรักกับเธอด้วยการกระทำที่มากกว่าคำพูด นั่นคือการกลับมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และออกจากเงามืดในยามราตรี มาสู่โลกสว่างในตอนกลางวันเพื่อจะมี "เวลา" ให้กับเหมยลี่ที่เค้ารัก สุดท้ายหนังก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งตามแบบฉบับหนังไทย แต่สิ่งที่ฉันได้กลับบ้านวันนี้นอกจากความบันเทิงแล้วยังได้แง่คิด ในเรื่องการวางตัวของนางเอกเหมยลี่ สาวไทยเชื้อสายจีนที่แม้จะหลงรักและคลั่งไคล้พระเอกแบบออกนอกหน้าจนเป็นประโยคฮิต "ผู้ชายคนนี้พี่ขอ" แต่เธอก็มิได้ประพฤติตัวนอกลู่นอกทางแต่อย่างใด ตรงข้ามกลับใช้ "ความดี" เอาชนะใจพระเอกสุดหล่อได้ ฉันหวังว่านี่น่าจะเป็นตัวอย่างที่วัยรุ่นไทยควรยึดปฏิบัติและเอาเป็น "ไอดอล" หญิงยุคใหม่ ที่ใช้ความดีเอาชนะใจคนรัก รถไฟฟ้า มาหานะเธอจึงจะเป็นหนังไทยอีกเรื่องหนึ่งที่น่าติดตามมากไปกว่าเป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป....



ภาพประกอบ http://www.thaicinema.org/kits157rodfai.asp