วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความทรงจำดีๆ...ที่ปาย (ตอน 1)


วันนี้อากาศดี ทำงานสำเร็จไปได้อีกขั้นแล้ว จึงอยากใช้เวลาพักผ่อน ออกกำลังใจโดยการเขียนบล็อคดีๆ สักเรื่องหนึ่งค่ะ นั่งอ่านบล็อคเรื่องที่ผ่านมาของตัวเองแล้วก็นึกได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่น่าจะบันทึกไว้ คือเรื่องราวดีๆ ที่ ปาย

ปลายปี 2551 ฉันมีโอกาสขึ้นเหนือโดยการนั่งรถไฟไปกับคุณน้อง ขาเที่ยวประจำปี เราจองทัวร์ปายกันไว้ที่เชียงใหม่ค่ะ ไปกัน 4 คน คือ ฉัน คุณน้อง ปุ้ม และหนูนิล เมื่อถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ไกด์ใจดี (จำชื่อพี่เค้าไม่ได้แล้ว) ก็มารับเพื่อไปแจมกับเพื่อนๆ ที่ตามมาสมทบโดยเครื่องบินอีกหลายคน

ทริปนี้เรามีเวลา 3 วัน ตั้งใจจะเที่ยวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงใช้บริการทัวร์ โดยเริ่มตั้งแต่สถานีรถไฟที่เชียงใหม่ จากนั้นก็แวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยมื้อแรกที่ร้านอาหารในเมือง



หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว พี่คนขับก็พาพวกเรามุ่งหน้าโดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองปาย.....ที่เค้าว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและความโรแมนติก Oh .... Pai in love ..... please be with me


ด้วยเส้นทางจากเชียงใหม่ถึงปายเป็นธรรมชาติที่งดงาม พวกเราจึงอดไม่ได้ที่จะแวะข้างทาง ไปถึงช้าก็ช่าง เราต่างอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์เที่ยวครั้งนี้อย่างเต็มที่
























เที่ยวสวนสน


เค้าว่ากันว่า ใครมาที่นี่ ต้อง.....กระโดด นึง ส่อง ส้ำ



เที่ยวออบหลวงเป็นของแถม


เกือบบ่าย ยังไม่ทันเข้าเขตเมืองปายดี พวกเราก็หิวกันอีกแล้ว ทั้งโค้งมหาโหดสมฉายา อ้วก + หลับ = ปาย และยังแวะกระโดดอีก เสียพลังงานไปเยอะเลยค่ะ จึงแวะพักรับประทานอาหารที่อร่อยมาก ก ก กันอีกครั้ง
























อากาศเย็นสบายที่ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ. แม่ฮ่องสอน

การเดินทางแบบไม่รีบร้อน ทำให้ค่ำวันนั้นเราเข้าไปเพียงปลายเขตแม่ฮ่องสอน ยังไม่สัมผัสปายดินแดนในหุบเขาเท่าใดนัก แต่พวกเราก็พอใจเพราะเพียงแค่สูดกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น และลมหนาวบนยอดทุ่งบัวตอง ก็ทำให้เราลืมความเป็นคนเมืองไปชั่วขณะ ฉันตะลึงกับธรรมชาติรอบตัว จนลืมไปว่า ได้ทิ้งภารกิจอันหนักอึ้งมากมายไว้เบื้องหลังชั่วคราว และตักตวงประสบการณ์ความสุขตรงหน้าให้เต็มที่....

ค่ำนั้นพวกเราดื่มด่ำกับธรรมชาติยามราตรี และถนนคนเดินแบบพื้นเมืองที่แม่ฮ่องสอนเพียงเล็กน้อย เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง จึงเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่

อเตรียมตื่นเช้าพบกับพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยที่ทุกคนรอคอย....ห้วยน้ำดัง






.....เช้าวันใหม่ ฉันตื่นตอนตอนประมาณตีสี่กว่า เพื่อเตรียมตัวไปรับอรุณเบิกฟ้ากันที่ห้วยน้ำดัง ยอดเขาสูงกลางหุบเขา มีจุดชมวิวที่เชื่อกันว่า เราจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครๆ กันที่นั่น อากาศที่หนาวเย็น บวกกับความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ ทำให้ฉันสูดอากาศเช้าเข้าไปอย่างเต็มปอด หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะมัวแต่เตรียมกล้อง และแอคท่าถ่ายรูป นานๆ จะได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้สักทีหนึ่ง















พวกเราเฝ้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ .... และในที่สุดพระอาทิตย์ดวงเดียวกับที่บ้าน ก็ปรากฎตัวขึ้นที่ห้วยน้ำดัง ...... แม้เป็นอาทิตย์อุทัยดวงเดียวกัน แต่ว่าความรู้สึกช่างต่างกันเหลือเกิน



เรื่องราวที่ปาย ยังมีต่ออีก 2 วันค่ะ แล้วจะมาเล่าต่อในบันทึกไปกินกัน (และไปเที่ยวกันด้วย) ในครั้งหน้าค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


To sit with you & me......

จั่วหัวเรื่องออกแนวโรแมนติกนิดนึงค่ะ...... เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 29 พ.ค. 53 หลังเลิกเรียนเรื่อง Marketing Tools ที่มีเนื้อหาอันแสนเข้มข้นแล้ว พวกเราชาว The Gang ก็มีนัดกันไป OJT ต่อทันทีเพื่อโหมไฟที่ลุกโชนให้ต่อเนื่อง (ไฟในการทำงานค่ะ....ไม่อาวน่า อย่าคิดมาก) มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (มืด) หลายท่านเสนอร้านกันมามายให้พวกเราไป pre-audit เพื่อเป็นการให้เครดิตปุ๊กขอเอ่ยชื่อท่านผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้หน่อย นั่นคือ....แต่น แต๊น .... พี่หนึ่งกะน้องเบนซ์ค่ะ มิไยที่พวกเราจะเป็นห่วงเรื่องที่นั่งและอาหาร ทันใดนั้นทั้งสองก็หยิบโทรศัพท์มากดสั่งการเลขาส่วนตัวทันทีให้เช็คราคาห้องและ nego เรื่องส่วนลดเรียบร้อย เป็นอันว่าพวกเราก็มา brainstorming กันต่อที่ร้าน TO SIT ในย่าน town in town



มากันพร้อมหน้าชั่วเวลาไม่กี่นาที บอกแล้วว่าไฟแรงสุด ๆ ....






มือโปรของเราคุณปุ้ม ก้มหน้าก้มหน้าเลือกเมนู (เพลง) อย่าขะมักเขม้น





มันเกิดขึ้นแล้วที่นี่.....แต่เราก็หา...กัน...จนเจอ พี่แบดกะเบนซ์







พี่ปุ้มกะเบนซ์ (มาอีกแล้ว) โอ พระเจ้า จะไม่ให้เบนซ์วางไมค์กันบ้างหรือไร






ทุกคนอินสุดๆ กับสุนทราภรณ์ ยกเว้นเอ็ม อาร์ทตัวพ่อที่ยัง build อารมณ์อยู่อย่างงงๆ (ยุคไหนฟระ)





เอ็มว่าเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น บี้ เดอะสตาร์ดีกว่าอ่ะ






ใครจะดีจะร้ายยังไง.....ฉันไม่ต้องการฟัง........อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว



คนหน้าตาดี มักมาอยู่รวมกัน



น่าจับมาร้องเพลงของ "ดอกไม้ป่า"


ดูโอ คู่นี้ร้องเพลงประวัติศาสตร์ของคริสติน่า คริคริ พวกเรารุ่นเดียวกัน

เหตุการณ์สงบลงด้วยดีตอนเวลา 2 ทุ่มยังไม่ครึ่ง บ่งบอกถึงวัยของ The gang (วัยเด็กรีบนอน พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน) พวกเราอำลากันด้วยเพลงร่วมสมัย อภิมหาอมตะ นิรันดร์กาล..... Nothing gonna change my love for you ........บ๊าย บาย ค่ะ

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ทัวร์ยกแก็ง....ไม่แพงอย่างที่คิด




นี่ไม่ใช่โฆษณาชิงโชคของชาเขียวชื่อดังนะคะ แต่ครั้งนี้จะพาไปกินกันแบบม้วนเดียวจบทั้ง 4 ภาคทั่วไทยภายในวันเดียว ประหยัดทั้งเวลาและเงินในกระเป๋า เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เริ่มเลยค่ะ

หลังจากทำงานแทบทุกวันในช่วงสงกรานต์ไม่ได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวที่ไหน วันนี้จะไปพัทยาเพื่อเอาเอกสารไปส่งเรื่องงาน จึงคิดว่าน่าจะพาพ่อและแม่ไปเที่ยวด้วย นั่งนึกดูแล้วที่ๆ เหมาะสมกับทั้งสองที่สุดน่าจะเป็นตลาดน้ำสี่ภาค ไม่รอช้ายกหูโทรศัพท์แล้วชวนทันที พ่อฉันเป็นคนชอบหาประสบการณ์จากการไปเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งสองรีบเตรียมตัวแล้วเราก็เริ่มลุยกันเลย


ตลาดน้ำสี่ภาค อยู่ติดถนนสุขุมวิท เลยไฟแดงทางเข้าพัทยาใต้ไปประมาณ 1 กม. ซ้ายมือ ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นตลาดน้ำ และมีครบทั้งสี่ภาค วันนี้จึงเตรียมแรงและเตรียมท้องมากินกันอย่างเต็มที่





นานๆ จะได้ถ่ายภาพคู่กะแม่ซักทีนึง




มีป้ายบอกทางเสร็จสรรพว่าจะไปภาคไหนก่อนดี ?



จุดชมวิวบนสะพาน คล้ายกับสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแถวๆ ภาคเหนือ



















ไอศครีมมะพร้าวอ่อนและหอยเชลล์ปิ้งกับเนย เห็นแล้วน้ำลายหก




แถวนี้คล้ายอัมพวา






ร้านนี้เรียกลูกค้าด้วยการทำรองเท้าแตะยักษ์ตั้งไว้หน้าร้าน



ร้านแม่ไม้เพลงไทย เอาลำโพงมาตั้งหน้าร้านแถมยังมีที่นั่งให้ลูกค้าลองฟังเพลง (เก๊า เก่า) อีกด้วย ทำให้พ่อฉันต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าซีดีเพลงของ ชาญ เย็นแข 170 บาท ด้วยความเต็มใจ !



บรรยากาศแบบว่า...สมัยร้านโอเลี้ยงหน้าปากซอยยังไม่เป็น coffee in love

ของโปรดสมัยเด็กเลยแหละสีสันน่าหม่ำเหมือนเดิม มันคือน้ำตาลปั้นรูปคนตกปลาค่ะ



ไปแอ่วเหนือ มีร้านถ่ายรูปเหมือนไนท์บาซ่าไม่มีผิด



งานหัตกรรมฝีมือชาวอีสานบ้านเฮา



เผลอแผล่บเดียวเดิน(ทาง) มาถึงภาคใต้แล้ว



นั่งตากลม ชมวิว

ทำให้คนที่รักทั้งสองมีความสุข


ก่อนอาทิตย์จะลาลับ เราทั้งสามแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนเขา สทร.พัทยา เป็นการอำลาวันนี้อย่างสมบูรณ์


วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

Sea Sun Sand......at Bangsean beach

กว่าจะรวมจิตใจ เก็บทรายสวยๆ มากอง..ก่อปราสาทสักหลัง

บทเพลงนี้เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศริมชายหาดบางแสนในช่วงสงกรานต์ค่ะ พูดถึงเทศกาลสงกรานต์ วัยรุ่นคงนึกถึงการสาดน้ำเล่นเพื่อความสนุกสนาน ผู้ใหญ่ก็นึกถึงการรดน้ำดำหัวจากลูกๆ หลานๆ ในครอบครัว คนทำงานประจำได้ลั้นลาในวันหยุดยาว ....... ส่วนฉันในปีนี้มีภารกิจสำคัญ 9 วัน 9 คืน เต็มๆ กับการนำต้นไม้มงคลสายพันธุ์อโกลนีมา (Aglaonema) ไปปรากฎสู่สายตาประชาชนในอำเภอเมืองชลบุรี ด้วยการไปออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก และถือโอกาสสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าในอำเภอเมืองด้วย (ซึ่งปกติฉันไม่ได้เจอลูกค้าตัวเป็นๆ สักเท่าไหร่ เพราะทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์) ฉันจึงถือโอกาสนี้เที่ยวงานกาชาดและทำงานอย่างสนุกสนานไปในตัว......ได้ออกจากบ้านอย่างชอบธรรม (ชอบทำด้วย) อีกครานึงแล้ว (โว้ย)
อย่าเพิ่งงงกันนะคะ ว่าจั่วหัวเรื่องปราสาททราย แล้วทำไมมาโม้เรื่องต้นไม้ไปได้ มันเกี่ยวกันอยู่บ้างค่ะเนื่องจากเป็นเทศกาลสงกรานต์เหตุการณ์จึงทับซ้อนกันอยู่ ดังจะเล่าต่อไปนี้ เชิญทุกท่านหาความสำราญกันได้เลยค่ะ..........

หลังจากเก็บบูธในแต่ละวันก็ล่วงเข้าเช้าของวันใหม่ไปแล้ว ประมาณตี 1 ตี 2 รุ่งเช้าของวันที่ 17 เมษายน
จะเป็นวันประกวดก่อกองทราย อันเป็นประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบางแสน ซึ่งทางเทศบาลจะจัดเป็นประจำทุกปี หลังเก็บบูธวันนั้นฉันและเพื่อนทีมงาน จึงแว้บไปขับรถเล่นแถวหาดบางแสน ซึ่งยังคงความคึกคักอยู่แม้เวลาจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วก็ตาม เนื่องจากคืนนั้นทั้งคืน เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษาของหน่วยงานต่างๆ กำลังขะมักเขม้นบรรจงสร้างปราสาททรายเพื่อเตรียมประกวดในวันรุ่นขึ้น


พวกเค้ามุมานะ ก่อปราสาททรายกันทั้งคืน หากใครเสร็จก่อนก็จะมีคนนอนเฝ้าเพื่อป้องกันคนหรือสุนัขเดินผ่านไปผ่านมา มาทำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ นับเป็นการรวมพลังสามัคคีที่น่ายกย่องและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งค่ะ





รุ่งเช้าขึ้นมาเราจึงได้เห็นภาพปราสาททรายที่สวยงาม
ตัดกับท้องฟ้าและมีน้ำทะเลเป็นแบล็กกราวน์ค่ะ





สวยงามอย่างวิจิตรบรรจง แทบไม่อยากเชื่อว่าใช้เวลาสร้างเพียงคืนเดียวเท่านั้น !



เป็นรูปเสือ ต้อนรับปีขาล





ดีไซด์นี้เป็นอุโมงค์โบราณ มีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานด้านใน




นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ พากันมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ที่นานทีปีหนจะได้เห็นกองทรายเนรมิตรเช่นนี้


รองชนะเลิศอันดับสอง ฝีมืออันสร้างสรรค์ของทีมงานเดอะไทด์ รีสอร์ท


ปราสาททรายของ อบจ.ชลบุรี หลังนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1


รางวัลเกียรติยศ ฝีมือ โรงแรม เอสเอส บางแสนบีช


โฉมหน้า ปราสาทเกียรติยศ !

บางแสน ยังคงแสนสุขเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาเยือน

และคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป......