วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ทัวร์ยกแก็ง....ไม่แพงอย่างที่คิด




นี่ไม่ใช่โฆษณาชิงโชคของชาเขียวชื่อดังนะคะ แต่ครั้งนี้จะพาไปกินกันแบบม้วนเดียวจบทั้ง 4 ภาคทั่วไทยภายในวันเดียว ประหยัดทั้งเวลาและเงินในกระเป๋า เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เริ่มเลยค่ะ

หลังจากทำงานแทบทุกวันในช่วงสงกรานต์ไม่ได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวที่ไหน วันนี้จะไปพัทยาเพื่อเอาเอกสารไปส่งเรื่องงาน จึงคิดว่าน่าจะพาพ่อและแม่ไปเที่ยวด้วย นั่งนึกดูแล้วที่ๆ เหมาะสมกับทั้งสองที่สุดน่าจะเป็นตลาดน้ำสี่ภาค ไม่รอช้ายกหูโทรศัพท์แล้วชวนทันที พ่อฉันเป็นคนชอบหาประสบการณ์จากการไปเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งสองรีบเตรียมตัวแล้วเราก็เริ่มลุยกันเลย


ตลาดน้ำสี่ภาค อยู่ติดถนนสุขุมวิท เลยไฟแดงทางเข้าพัทยาใต้ไปประมาณ 1 กม. ซ้ายมือ ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นตลาดน้ำ และมีครบทั้งสี่ภาค วันนี้จึงเตรียมแรงและเตรียมท้องมากินกันอย่างเต็มที่





นานๆ จะได้ถ่ายภาพคู่กะแม่ซักทีนึง




มีป้ายบอกทางเสร็จสรรพว่าจะไปภาคไหนก่อนดี ?



จุดชมวิวบนสะพาน คล้ายกับสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแถวๆ ภาคเหนือ



















ไอศครีมมะพร้าวอ่อนและหอยเชลล์ปิ้งกับเนย เห็นแล้วน้ำลายหก




แถวนี้คล้ายอัมพวา






ร้านนี้เรียกลูกค้าด้วยการทำรองเท้าแตะยักษ์ตั้งไว้หน้าร้าน



ร้านแม่ไม้เพลงไทย เอาลำโพงมาตั้งหน้าร้านแถมยังมีที่นั่งให้ลูกค้าลองฟังเพลง (เก๊า เก่า) อีกด้วย ทำให้พ่อฉันต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าซีดีเพลงของ ชาญ เย็นแข 170 บาท ด้วยความเต็มใจ !



บรรยากาศแบบว่า...สมัยร้านโอเลี้ยงหน้าปากซอยยังไม่เป็น coffee in love

ของโปรดสมัยเด็กเลยแหละสีสันน่าหม่ำเหมือนเดิม มันคือน้ำตาลปั้นรูปคนตกปลาค่ะ



ไปแอ่วเหนือ มีร้านถ่ายรูปเหมือนไนท์บาซ่าไม่มีผิด



งานหัตกรรมฝีมือชาวอีสานบ้านเฮา



เผลอแผล่บเดียวเดิน(ทาง) มาถึงภาคใต้แล้ว



นั่งตากลม ชมวิว

ทำให้คนที่รักทั้งสองมีความสุข


ก่อนอาทิตย์จะลาลับ เราทั้งสามแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนเขา สทร.พัทยา เป็นการอำลาวันนี้อย่างสมบูรณ์


วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553

Sea Sun Sand......at Bangsean beach

กว่าจะรวมจิตใจ เก็บทรายสวยๆ มากอง..ก่อปราสาทสักหลัง

บทเพลงนี้เข้ากันได้ดีกับบรรยากาศริมชายหาดบางแสนในช่วงสงกรานต์ค่ะ พูดถึงเทศกาลสงกรานต์ วัยรุ่นคงนึกถึงการสาดน้ำเล่นเพื่อความสนุกสนาน ผู้ใหญ่ก็นึกถึงการรดน้ำดำหัวจากลูกๆ หลานๆ ในครอบครัว คนทำงานประจำได้ลั้นลาในวันหยุดยาว ....... ส่วนฉันในปีนี้มีภารกิจสำคัญ 9 วัน 9 คืน เต็มๆ กับการนำต้นไม้มงคลสายพันธุ์อโกลนีมา (Aglaonema) ไปปรากฎสู่สายตาประชาชนในอำเภอเมืองชลบุรี ด้วยการไปออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก และถือโอกาสสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าในอำเภอเมืองด้วย (ซึ่งปกติฉันไม่ได้เจอลูกค้าตัวเป็นๆ สักเท่าไหร่ เพราะทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ตเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์) ฉันจึงถือโอกาสนี้เที่ยวงานกาชาดและทำงานอย่างสนุกสนานไปในตัว......ได้ออกจากบ้านอย่างชอบธรรม (ชอบทำด้วย) อีกครานึงแล้ว (โว้ย)
อย่าเพิ่งงงกันนะคะ ว่าจั่วหัวเรื่องปราสาททราย แล้วทำไมมาโม้เรื่องต้นไม้ไปได้ มันเกี่ยวกันอยู่บ้างค่ะเนื่องจากเป็นเทศกาลสงกรานต์เหตุการณ์จึงทับซ้อนกันอยู่ ดังจะเล่าต่อไปนี้ เชิญทุกท่านหาความสำราญกันได้เลยค่ะ..........

หลังจากเก็บบูธในแต่ละวันก็ล่วงเข้าเช้าของวันใหม่ไปแล้ว ประมาณตี 1 ตี 2 รุ่งเช้าของวันที่ 17 เมษายน
จะเป็นวันประกวดก่อกองทราย อันเป็นประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบางแสน ซึ่งทางเทศบาลจะจัดเป็นประจำทุกปี หลังเก็บบูธวันนั้นฉันและเพื่อนทีมงาน จึงแว้บไปขับรถเล่นแถวหาดบางแสน ซึ่งยังคงความคึกคักอยู่แม้เวลาจะเลยเที่ยงคืนไปแล้วก็ตาม เนื่องจากคืนนั้นทั้งคืน เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษาของหน่วยงานต่างๆ กำลังขะมักเขม้นบรรจงสร้างปราสาททรายเพื่อเตรียมประกวดในวันรุ่นขึ้น


พวกเค้ามุมานะ ก่อปราสาททรายกันทั้งคืน หากใครเสร็จก่อนก็จะมีคนนอนเฝ้าเพื่อป้องกันคนหรือสุนัขเดินผ่านไปผ่านมา มาทำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ นับเป็นการรวมพลังสามัคคีที่น่ายกย่องและชื่นชมเป็นอย่างยิ่งค่ะ





รุ่งเช้าขึ้นมาเราจึงได้เห็นภาพปราสาททรายที่สวยงาม
ตัดกับท้องฟ้าและมีน้ำทะเลเป็นแบล็กกราวน์ค่ะ





สวยงามอย่างวิจิตรบรรจง แทบไม่อยากเชื่อว่าใช้เวลาสร้างเพียงคืนเดียวเท่านั้น !



เป็นรูปเสือ ต้อนรับปีขาล





ดีไซด์นี้เป็นอุโมงค์โบราณ มีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานด้านใน




นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ พากันมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ที่นานทีปีหนจะได้เห็นกองทรายเนรมิตรเช่นนี้


รองชนะเลิศอันดับสอง ฝีมืออันสร้างสรรค์ของทีมงานเดอะไทด์ รีสอร์ท


ปราสาททรายของ อบจ.ชลบุรี หลังนี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1


รางวัลเกียรติยศ ฝีมือ โรงแรม เอสเอส บางแสนบีช


โฉมหน้า ปราสาทเกียรติยศ !

บางแสน ยังคงแสนสุขเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาเยือน

และคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป......