วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ครั้งหนึ่ง...ที่อัมพวา





บ่ายวันเสาร์ที่ 3 ต.ค. 52 ฉันและครอบครัวพี่นันท์เคลื่อนพลทั้ง 7 คน จากลำลูกกามุ่งหน้าสู่สมุครสงครามโดยมีจุดหมายคือ "อัมพวา" แหล่งท่องเที่ยวริมน้ำที่หลายคนเล่าขานและอยากไปสัมผัสกับบรรยากาศของตลาดริมคลองและแหล่งของกิน ของฝากมากมาย

บรรยากาศตลาดน้ำริมคลองยามบ่าย ผู้คนทยอยกันเข้ามาสัมผัสกลิ่นอายการค้าขายแบบเมื่อครั้งอดีตของไทย

มากมายหลายรสชาติให้เลือก เห็นแล้วอดใจไม่ไหว จึงประเดิมอาหารมื้อบ่ายวันนั้นด้วยกุ้งเผา และไข่ปลาหมึกย่าง อืม..ม์ อร่อยล้ำจริงๆ


จุดเด่นของอัมพวานอกจากความเป็นตลาดน้ำแล้ว น่าจะเป็นเรื่องของกินของใช้ ที่แสดงความเป็นไทยโบราณ อย่างเช่น เตาขนมครกแบบโบราณซึ่งหาชมได้ยาก เพราะตอนนี้มองไปทางไหนก็เห็นแต่เตาแบบใหม่ทำจากโลหะเคลือบเคมี ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่ทำจากดินเผาที่นอกจากจะปลอดสารพิษแล้ว ยังทำให้ขนมครกหอมชวนชิมอีกด้วย




เมี่ยงคำประยุกต์ นำมาเสียบขายเป็นไม้เพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยวในการลิ้มรส.....เห็นแล้วก็นึกถึงยาย สมัยฉันเป็นเด็กๆ ยายชอบทำเมี่ยงคำเป็นอาหารว่างเพื่อให้พวกเราพี่น้อง 5-6 คน ล้อมวงกินกัน



อะไรเอ่ย ???



เฉลย : ดูเผินๆ ตอนแรกคิดว่าร้านนี้ขายปลาทูเสียอีก พอเข้าไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าขายเสื้อยืด จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างคือการสกรีนเสื้อเป็นรูปปลาทูและบรรจุในเข่งปลาทูจริง (ปลาทูเป็นอัตตลักษณ์อย่างหนึ่งของสมุทรสงคราม) และยังมีสกรีน "อัมพวา" อีกด้วย ติดป้าย "ขายพร้อมเข่งเพียง 129 บาทเท่านั้น"




เพื่อนๆ ที่ไปด้วย ต่างเข้าไปรุมแย่งกันซื้อ มากกว่าคนละ 1 ตัว เพื่อใส่เอง และไปเป็นของฝากที่ดูดีมีสไตล์ เป็นไอเดียบรรเจิดในการเพิ่มยอดขายเมื่อเทียบกับร้านอื่นที่ผู้ซื้อมักซื้อเพียงคนละ 1 ตัวเท่านั้น



อีกหนึ่งความคิดสร้างสรรค์ ตู้เย็นเก่าแก่ที่ใช้งานไม่ได้แล้ว นำมาประยุกต์เป็นชั้นวางเสื้อยืด




ร้านขายของที่ระลึกนี้อยู่ในคูหาแคบๆ ที่เข้าไปชมสินค้าได้เพียง 2 คนเดินสวนกันเท่านั้น ด้วยความที่อยู่ในซอยแคบๆ ทำให้คนอยากเดินไปสำรวจว่าเค้าขายอะไรกัน ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นกลยุทธ์บนความตั้งใจของผู้ขายที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส คือ มีเนื้อที่น้อย แต่อาศัยจัดร้านให้สลัวๆ น่าค้นหา แถมลูกค้าที่เดินเข้าไปก็ต้องรีบเลือก รีบซื้อเพราะเกรงใจคนที่ต่อคิวรอเข้าไปเลือกซื้อเหมือนกัน .......บางครั้งทำเลที่ดูแย่ อาจเป็นทำเลที่ดีที่สุดก็ได้ ....




แล้วคนสวยที่ไม่เอาถุงลดเท่าไหร่คะ ?!!



โฉมหน้าของร้านขายเสื้อผ้าที่ติดป้ายลดราคาเมื่อกี้นี้ นับเป็นป้ายลายมือธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา เพราะฉันเห็นสาวๆ หลายคนหยุดแวะอ่านโดยเฉพาะ "คนสวย" นอกจากร้านนี้จะมีจุดเด่นที่ป้ายลดราคาแล้ว ยังมีชื่อร้านสะดุดตาและคติธรรมสะดุดใจติดไว้รอบๆ ข้างในร้าน เพื่อปลุกจิตสำนึกของคนซื้อที่มีคุณธรรม ราวกับจะบอกว่า คนไร้คุณธรรมห้ามเข้า !


ร้าน "คงไว้" ที่เปลี่ยนงานอดิเรกของนักสะสมมาเป็นการสร้างรายได้ นอกจากจะทำในสิ่งที่รักให้เป็นอาชีพแล้ว ยังเป็นการแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย ......


ทิวทัศน์หน้าร้านอาหาร "กำปั่น" ของคุณโจ้ ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยทั้งในเรื่องอาหารและชื่อร้าน (เห็นป้ายร้านภาษาอังกฤษ Kampan แล้วก็นึกถึงลูกชายที่ชื่อคำปัน : )



ปิดท้ายด้วยรถขายแซนวิชปลาทู หน้าลานจอดรถ นอกจากความอร่อยแล้ว อักษรข้างรถยังติดโฆษณาที่ดูคล้ายคำขู่แบบขำๆ ด้วย "ต้องไปกินให้ได้ในชาตินี้" ฟังดูแล้วทำให้รู้สึกเหมือน เสียดาย...ตายแล้วไม่ได้กิน

โบกมือลาอัมพวาเวลาเกือบเย็นผู้คนเริ่มหนาแน่น ท้องก็เริ่มหิวอีกครั้งเพราะทั้งเดินเลือกซื้อสินค้าและเก็บภาพประทับใจ จริงๆ แล้วอัมพวาเป็นตลาดที่คึกคักตอนเย็นและช่วงหัวค่ำ เพราะได้อารมณ์และสีสัน บรรยากาศอีกแบบหนึ่งซึ่งฉันไม่ได้อยู่ชมในครั้งนี้ จึงตั้งใจว่าจะต้องมีอัพวาภาคสองอีกแน่ๆ .....

ดูภาพอัมพวาและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.อัมพวา.net

2 ความคิดเห็น:

  1. อัมพวา... อบอุ่น น่าเยี่ยมน่าเยือน เหมือนไปบ้านญาติยังไงก็ไม่รุ...

    บล็อกสวยน่าอ่านมากค่ะพี่ปุ๊ก

    ตอบลบ
  2. thank you ja Nong
    ยังไงก็ยังอยากไปอัมพวาอีกซักครั้ง

    ตอบลบ